1. ประหยัดเงิน!
หลอดไฟแอลอีดี เป็นหลอดไฟที่ประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดไฟประเภทอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดเงินค่าไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 15-75% แล้วแต่ชนิดของหลอดเดิม
2. ไม่มีแสง UV
หลอดไฟประเภทแอลอีดี ที่เป็นที่นิยมใช้ในยุโรปและประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหมด จะไม่มีแสง UV ปลดปล่อยออกมาเลยแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับหลอดไฟนีออน ที่จะมีแสง UV ปล่อยออกมาพร้อมกับแสงสว่างที่เกิดขึ้น นอกจากรังสี UV นี้จะมีผลต่อผิวหนังมนุษย์แล้ว ยังมีผลกระทบต่อสินค้าที่โดนแสงอย่างต่อเนื่องยาวนานอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ศูนย์แสดงรถยนต์ที่จะต้องฉายแสงไฟต่อเนื่องไปยังผิวรถเพื่อให้เกิดความเงางามสะท้อนแสงไฟ แต่นั่นก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่อสีรถได้ เป็นต้น
3. ไม่ร้อน
ในขณะที่หลอดไฟแอลอีดี แทบจะไม่ปล่อยความร้อนออกมาเลย หลอดฟลูออเรสเซนต์ที่ใช้ตามบ้านเรือนนั้น จะมีการปล่อยความร้อนออกมาอยู่ในระดับ 70-90 องศาเซลเซียสในขณะใช้งาน หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือ หลอดฮาโลเจน (halogen) จะปล่อยความร้อนออกมาถึง 150-200 องศาเซลเซียส!!
คิดดูสิคะว่าเราต้องเสียค่าไฟไปมากเท่าไรกับพลังงานความร้อนที่เราไม่ต้องการ การเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟแอลอีดีจะทำให้อาคารสำนักงานต่างๆ ลดค่าไฟที่ต้องใช้ในระบบปรับอากาศลงได้ค่ะ
4. หลอดไฟ LED ทนต่อการสั่นสะเทือน
สินค้าหลายตัวได้เลือกใช้แอลอีดีเพื่อใช้งานเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากกินไฟน้อย ประหยัดกว่า และยังทนต่อการสั่นสะเทือนได้อีกด้วย เช่น ลิฟต์ จะติดไฟประเภทแอลอีดี เพราะลิฟต์มีเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา การใช้หลอดไฟแอลอีดีทำให้ลดโอกาสการเสียของหลอดไฟได้มากขึ้น ไม่ต้องมีเปลี่ยนหลอดไฟถี่เท่าเดิม
5. แสงจากหลอดไฟ LED ไม่กระพริบ
หลอดไฟฟูออเรสเซ้นต์แบบเดิมนั้นจะมีการกระพริบของแสงที่ความถี่ของการกระพริบ 50 Hz. คนงานและพนักงานประมาณ 10-30% มีปฏิกิริยากับการกระพริบของแสงเหล่านี้ โดยอาการที่เกิดเช่น อาการปวดหัว ปวดตา เมื่อมองชิ้นงานภายใต้แสงนีออนต่อเนื่องหลายชั่วโมง และหากพนักงานเหล่านั้นอยู่ในสายการผลิตก็อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อ อัตราประสิทธิภาพในการทำงานได้ด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดีหลอดไฟนีออนที่มีการกระพริบระดับ 100 Hz ก็ยังมีขายอยู่แต่นั้นไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาผลกระทบต่อตัวพนักงานไปเสียทั้งหมดอยู่ดี
แต่จากการวัดหลอดไฟแอลอีดี ที่ใช้ Driver คุณภาพสูง หลอดไฟแอลอีดี จะสามารถแสดงผลการกระพริบได้ถี่มากกว่า 400 Hz โดยประมาณ ซึ่งก็เป็นความถี่เกินกว่าที่สายตาจะรับรู้ได้ พนักงานที่อยู่ภายใต้แสงประเภทนี้รับรู้ได้ว่าแสงที่กระทบเข้าตาเป็นแสงที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น เหมาะสมในการทำงานที่ต่อเนื่อง และยังผลให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นอีกด้วย
6. ออกแบบทิศทางของแสงจากหลอดไฟ LED ให้หมาะสมกับรูปแบบโคมได้
เนื่องจากแอลอีดี จะมีทิศทางการส่องสว่างแบบเป็นท่อ ไม่ได้กระจายออกทุกทิศทางเช่นเดียวกับหลอดฟลูออเรสเซนท์ ทำให้สามารถออกแบบตัวหลอดให้เหมาะสมกับโคม โดยไม่ปล่อยแสงไปในทิศทางที่ไม่ต้องการได้ ตัวอย่างเหมือนกับภาพด้านล่างนี้
เห็นประโยชน์ดีๆ แบบนี้แล้ว ใครสนใจอยากรู้วิธีเลือกหลอดแอลอีดีเชิญทางนี้เลยค่า >> LED : จะเลือกหลอดอย่างไร?
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ECOTECH