การใช้แสงไฟและหลอดไฟเพื่อเสริมฮวงจุ้ยหรือเพื่อแก้ไขความผิดพลาด ความบกพร่องต่างๆ ทางวิชาฮวงจุ้ยนับได้ว่าเป็นวิธีการที่ง่ายและใช้กันอย่างแพร่หลายไม่แพ้การใช้ต้นไม้ แสงไฟ-หลอดไฟเป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไฟ ดังนั้นจึงมักใช้ในการกระตุ้นพลังและมงคลในทิศใต้ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันออกและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
แสงไฟเป็นพลังหยางใช้สำหรับรักษาสมดุล กับพลังหยิน และช่วยดึงดูดพลังและมงคลโดยการฉายส่องไปยังวัตถุหรือพื้นที่ที่ต้องการ
ติดตั้งหลอดไฟที่มุม หรือ ด้านที่ขาดหายไป ของบ้านหรือที่ดินเพื่อสร้างสมดุลหรือชดเชยส่วนที่ขาดหายไป
ติดตั้งหลอดไฟในพื้นที่ด้านหน้าของอาคารโดยให้ตรง กับบริเวณมุมอาคารทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1 ดวง และติดอีกหนึ่งดวงที่บริเวณหลังอาคารให้ตรงกับจุดกึ่งกลางของอาคาร โดยให้ตำแหน่งความสูงของหลอดไฟที่ติดเท่ากับความสูงของยอดหลังคา ซึ่งจะช่วยดึงดูดพลังที่ดีเข้ามาและช่วยแก้ไขเรื่องการจัดวางตำแหน่งอาคารที่ไม่ได้สมดุลกับขนาดของพื้นที่
ติดไฟเอาไว้บริเวณพื้นที่หลังบ้านทั้งสองข้าง ในกรณีที่พื้นที่ที่ใช้ปลูกอาคารมีรูปร่างไม่เป็นสี่เหลี่ยมมุมฉาก
ติดไฟเอาไว้ริมทางของถนนหรือทางรถที่เข้าสู่ตัวบ้านหรือตัวอาคาร ในกรณีที่ถนนมีความเล็กแคบจนเกินไปหรือติดเอาไว้เฉพาะส่วนที่แคบ
แสงไฟจากโคมระย้าหรือโคมกิ่ง ซึ่งประกอบขึ้นด้วยเจียระไนชิ้นเล็กๆ มาประกอบกันเป็นลวด ลายต่างๆ จะใหพลังแห่งความเป็นมงคลได้ดีที่สุด แต่จะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อเปิดไฟเท่านั้น และตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะติดหรือแขวนโคมระย้าก็คือบริเวณกลางบ้าน กลางห้องโถงหรือกลางห้องรับแขกซึ่งถือว่าเป็น ตำแหน่งของธาตุดิน และแส่งไฟจากโค้มระย้าซึ่งเป็นธาตุไฟจะช่วยกระตุ้นธาตุดินให้มีพลังมากยิ่งขึ้น
โคมไฟ หรือ หลอดไฟ ที่ใช้ต้องไม่มีเหลี่ยมมุมที่จะทำให้เกิดศรพิฆาต
สีของแสงไฟที่ใช้จะต้องให้ถูกกับทิศที่ติดตั้งด้วยจึงจะเป็นมงคล เช่น
ทิศเหนือใช้แสงสีน้ำเงินหรือสีฟ้า เพราะเป็นสีของธาตุน้ำ ซึ่งเป็นธาตุประจำทิศเหนือ แต่โดยทั่วๆ ไปก็อาจจะใช้สีกลางๆ คือสีขาวนวลหรือแสงจันทร์ โคมไฟตั้งโต๊ะต้องดูรูปทรงของโคมไม้ดีด้วย ถ้ามีเหลือมุมก็อาจจะก่อให้เกิดศรพิฆาตถ้ารูปเหมือนฆ้อนก็จะเป็นอัปมงคลต่อผู้ใช้
ที่มา : ท่านปรมาจารย์วรธนัท อัศกุลโกวิท