Author Archives: saksun

DIY : โคมไฟจากกล่องนม

  • เมื่อดื่มนมเสร็จ กล่องนมก็ต้องทิ้งไป ใช่ไหมล่ะครับ แต่หลังจากนี้ให้เก็บไว้ แล้วมาทำ โคมไฟ ที่เป็น โคมไฟ จากกล่องนม สวยๆ กันดีกว่าครับ
  • 1. เริ่มแรก ตัดกล่องนมออก ให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยม แล้วล้างทำความสะอาด ผึ่งให้แห้ง

  • 2. ตัดกล่องนม ให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมยาวๆ แล้วทำรอยให้ด้านเท่ากัน แล้วพับเข้าหากัน เป็นรูปสามเหลี่ยม

  • 3. แล้วลองนำมาวางประกอบกันครับ จะทำเป็นห้าเหลี่ยม หรือ หกเหลี่ยมก็ได้ ใกล้ได้ โคมไฟของเราแล้ว

  • 4.การประกอบแต่ละด้าน ให้ตัดแผ่นกล่องนม อีกหนึ่งแผ่น มาทากาวแล้วครอบลงไประหว่างแผ่นสามเหลี่ยมครับ

  • 5.นำทั้งหมดมาประกอบกันเป็น (โคมไฟ) รูปวงกลม

  • 6.นำมาติดกับหลอดไฟ ก็จะได้ โคมไฟ กล่องนม แสนงามแล้วครับ


 

ลองทำกันดูนะครับ การทำ โคมไฟ อาจดูยุ่งยากนิดหน่อยแต่เมื่อทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผมว่าคุณจะภาคภูมิใจและไม่แน่อาจเกิดไอเดียต่อยอดทำ โคมไฟ ดีไซน์ต่าง ๆ ได้อีกนะครับ

Credit By http://men.sanook.com/903/diy-%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%A1/

ติดตามความรู้เกี่ยวกับ โคมไฟ ชนิดอื่นๆได้ที่
http://www.ssl.co.th/

โคมไฟ โคมไฟ โคมไฟสนาม โคมไฟสนาม downlight pendant ceiling-light โคมไฟ ฮวงจุ้ย ฮวงจุ้ย โคมไฟ

โคมไฟ

 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก Design Love Forest

สำหรับสาว ๆ ที่ชอบทำงานฝีมือ เพื่อให้ได้ของแต่งบ้านเก๋ไม่ซ้ำใคร แถมยังได้ใช้เวลาว่างทำอะไรเพลิน ๆ ไปในตัวล่ะก็ รับรองเลยว่า โคมไฟ DIY สีพาสเทลจาก Design Love Forest ที่เรานำวิธีทำมาฝากในวันนี้ จะต้องถูกใจคุณอย่างแน่นอน เพราะสวยหวานไม่แพ้แบบที่ซื้อจากร้านเลยจริง ๆ โดยใช้วิธีการไล่เฉดสี โคมไฟ ในโทนพาสเทลอ่อน ๆ จนออกมาสวยหวาน เหมาะจะนำมาแต่งบ้านสุด ๆ ดังนั้นใครอยากได้ โคมไฟ สวยไม่เหมือนใครในราคาประหยัด อย่ารอช้า เตรียมอุปกรณ์ดังนี้ แล้วมาลองทำกันเลย

โคมไฟ

 

อุปกรณ์

 โคมไฟทรงกลมขนาด 8 นิ้ว (หรือเท่าที่หาได้)

 สเปรย์พ่นกระจกสีใส, และสีชมพูเฉดต่าง ๆ

 แอลกอฮอลล์

 สำลี

 กระดาษชำระ

 ชามใบเล็ก

 เทปกาว

 กรรไกร

 ไม้บรรทัด

วิธีทำ

 1. เตรียมสเปรย์ต่าง ๆ ให้พร้อม โดยอ่านตามคำแนะนำข้างขวด

 2. ใช้สำลีชุบแอลกอฮอลล์เช็ดรอบโคมระย้าเพื่อทำความสะอาด

 3. วาง โคมไฟ แล้วใช้ไม่บรรทัดวัดจากพื้นขึ้นมาให้ได้ 4 นิ้ว (หรือวัดให้อยู่ตรงกลาง) แล้วจึงทำเครื่องหมายเอาไว้ด้วยการใช้เทปกาวแปะตลอดแนว

โคมไฟ

 

 4. นำชามใบเล็กมาวาง โดยปูกระดาษชำระรองด้านบน จากนั้นเอาโคมไฟมาใส่ในชาม โดยให้ด้านที่จะใช้ใส่หลอดไฟอยู่ข้างบน

 5. พ่นสีชมพูเข้มให้ทั่ว ตั้งแต่เครื่องหมายที่ทำเอาไว้ จนสุดรอบโคมไฟ ทิ้งไว้ให้แห้งราว 45 นาที

 6. พ่นสีเดิมทับอีกครั้ง คราวนี้ให้พ่นเหนือเครื่องหมายที่ทำไว้ 1 นิ้ว พอแห้งก็ทำอีกครั้ง โดยสูงขึ้นจากจุดที่แล้วอีก 1 นิ้วเรื่อย ๆ จนไล่สีโคมไฟได้ทั่ว หากสีที่ได้ยังไม่พอใจ อาจทำซ้ำใหม่อีกครั้ง

 7. พ่นสีชมพูอ่อน ตั้งแต่เครื่องหมายที่ทำเอาไว้จนสุด ทิ้งไว้ให้แห้งราว 45 นาที

 8. พ่นสีชมพูอ่อนทับอีกครั้ง โดยพ่นเหนือเครื่องหมาย 1 นิ้ว แบบเดียวกับตอนแรก พอแห้งก็ทำอีกครั้ง โดยสูงขึ้นจากจุดที่แล้วอีก 1 นิ้วเรื่อย ๆ จนไล่สีโคมไฟได้ทั่ว หากสีที่ได้ยังไม่พอใจ อาจทำซ้ำใหม่อีกครั้ง

โคมไฟ

 

9. แกะเทปกาวออก หากมีรอยกาวเหลือ ใช้นิ้วขูดออก แล้วใช้สเปรย์พ่นกระจกสีใสปกปิดร่องรอย

โคมไฟ

 

 

 

Credit by : http://www.teerawatcurtain.com

โคมไฟ LED

 

โคมไฟจากแก้วพลาสติก (my home)
คอลัมน์ my handy
เรื่อง อุ้ม เชาวนปรีชา
ภาพ/สไตล์  อุ้ม เชาวนปรีชา,  ยศวัฒน์ เกษมถิรกุล

ใครนึกสนุกอยากทำ โคมไฟ ใช้เองบ้างครับ วันนี้ผมอาสามาสาธิตการทำ โคมไฟ ในราคาประหยัด ในรูปแบบที่ผมถนัด ด้วยวิธีการไม่ยากตามหลักพื้นฐานการต่อวงจรไฟฟ้าที่เรา ๆ เคยเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์สมัยเด็ก ๆ นั่นล่ะครับ ค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ ผมรับรองว่าคุณผู้อ่านจะสนุกและติดใจแน่ ๆ ครับ

โคมไฟ LED

 

อุปกรณ์

1. ปืนกาว หัวแร้ง และคีมหนีบ

2. แก้วพลาสติก ซื้อจาก Tops จำนวน 3 แพ็ค (ถ้าทำสองโคม ใช้ 5 แพ็ค)

3. คลิปหนีปกระดาษขนาด ราคากล่องละ 144 บาท จำนวน 2 กล่อง

4. หลอด LED 7 สี พร้อม resister และสายไฟ 20 ตัว

5. หม้อแปลงไฟ

– หม้อแปลงไฟ 12 โวลท์ (แปลงจาก 220v เป็น 12v) 1 ตัว ตัดปลายสายออก

– ที่หนีบสายไฟสีดำ, แดง อย่างละ 1 ตัว ต่อที่ปลายสายหม้อแปลง

6. หลอดไส้ 25 วัตต์ 1 หลอด พร้อมขั้วหลอด

7. สายไฟขนาดต่าง ๆ และเทปพันสายไฟ

– สายไฟเส้นเล็กสำหรับ LED 12v ขายเป็นมัด คละสี มัดละ 5-10 บาท

– สายไฟบ้าน อย่างน้อย 1 เมตร

8. หัวปลั๊ก

– หัวปลั๊กตัวผู้ 1 ตัว

– หัวปลั๊กตัวเมีย 2 ตัว

9. ไฟคริสมาสต์แบบที่เป็น LED 1 เส้น หรือไฟดาวตก

10. ฐานไม้อัด (หนา 14 มิลลิเมตร) สั่งตัด ทาสีเตรียมไว้ให้เรียบร้อย

โคมไฟ LED

 

ขั้นตอนการทำ

1. เจาะรูบริเวณกึ่งกลางด้านก้นแก้วด้วยหัวแร้ง ให้ความกว้างของรูพอดีกับขนาดของหลอด LED

2. นำแก้วมาเรียงต่อกันบนพื้นระนาบ ใช้คลิปหนีบกระดาษหนีบบริเวณที่ปากแก้วให้ชนกัน ติดไปเรื่อยๆจนแก้วต่อกันเป็นวงกลม (ใช้แก้วประมาณ 26-28 ใบ)

3. ติดแก้วชั้นที่ 2 เรียงแก้วบนรอยต่อของแก้วแถวล่าง โดยวางแก้ว 1 ช่องเว้น 1 ช่อง จนครบรอบวง

4. ติดแก้วชั้นต่อ ๆ ไปโดยเรียงแก้วบนช่องที่ได้ขนาดไปเรื่อย ๆ จนเป็นรูปทรงโดม

5. ปลดขาคลิปหนีบกระดาษออกทั้งหมด

โคมไฟ LED

 

6. ติดไฟด้านในโดม

6.1 พลิกด้านโดม กำหนดจุดที่จะติดหลอด LED 7 สี ไว้ 20 จุด ให้กระจายไปทั่ว ๆ โคม นำหลอด LED เสียบลงในรู ยึดด้วยปืนกาวให้แน่น

6.2 ต่อสายไฟ LED แบบขนาน เชื่อมสายขั้วบวกกับสายขั้วบวก สายขั้วลบกับสายขั้วลบ (ในกรณีนี้คือ เชื่อมสีเดียวกันเข้าด้วยกัน) โดยต่อเรียงทีละหลอดจนครบทุกหลอด พันเก็บสายไฟให้เรียบร้อย ยกเว้นหลอดแรกไม่ต้องพัน

6.3 นำไฟคริสมาสต์เสียบลงในรูที่เหลือจนครบทุกรู จำนวนหลอดไฟคริสมาสต์อาจมีมากกว่าจำนวนแก้ว ไฟที่เหลือให้พันซ่อนไว้ภายในโคม

6.4 ต่อสายหม้อแปลงไฟกับ LED โดยใช้ที่หนีบสายไฟหนีบกับสายของ LED หลอดแรก หากไฟไม่ติดให้ลองสลับขั้วตัวหนีบดู

โคมไฟ LED

 

7. ต่อหลอดไฟบ้านและวงจรสวิตช์ ขั้นตอนนี้หากไม่ชำนาญด้านวงจรไฟฟ้าแนะนำให้ปรึกษาช่างครับ

8. ติดหลอดไฟบนกึ่งกลางของฐานไม้อัดที่สีแห้งแล้ว เดินสายไฟและใส่แผงสวิตช์ลงในช่องที่เจาะไว้

9. ลองเสียบปลั๊ก เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

โคมไฟ LED

 

Tips

–     ใช้ไฟดาวตกแทนไฟคริสมาสต์จะได้ความรู้สึกโรแมนติกมากกว่า

–     วางโคมลงบนฐานไม้โดยไม่ต้องทำการยึดติด เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนหลอดไฟ

–     ถ้าซื้อไม้อัดเต็มแผ่น ไม้จะเหลือพอทำฐานโคมไฟขนาดสูง 120 เซนติเมตร ได้อีก 1 ชุด

ลองทำกันดูนะครับ อาจดูยุ่งยากนิดหน่อยแต่เมื่อทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผมว่าคุณจะภาคภูมิใจและไม่แน่อาจเกิดไอเดียต่อยอดทำ โคมไฟ ดีไซน์ต่าง ๆ ได้อีกนะครับ

 

Credit by : http://home.kapook.com/view47507.html

โคมไฟ

 

Vazon Magnum กระถางต้นไม้ 2 in 1 ที่เป็นได้ทั้งกระถางปลูกต้นไม้และโคมไฟนี้ คือผลผลิตจากไอเดียกรีนๆ ของแบรนด์ Rotoluxe ซึ่งออกแบบมาให้ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยใช้หลอดไฟ CFL/LED กำลัง วัตต์ต่ำ แต่สามารถให้แสงสว่างแก่บริเวณโดยรอบ เราจึงสามารถนำกระถางนี้ไปแขวนแทน โคมไฟ หรือนำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ ของสนามหญ้าในบริเวณบ้านได้  ทำให้ได้ โคมไฟ สุดเก๋จากธรรมชาติอีกด้วย

โคมไฟ

 

Vazon Magnum ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล 100%  เพียงแค่เสียบปลั๊กไฟก็สามารถเปลี่ยนกระถางต้นไม้ธรรมดาๆ ให้กลายเป็น โคมไฟ ได้แล้ว และเนื่องจากใช้กำลังไฟฟ้าต่ำจึงไม่ต้องกังวลกับตัวเลขในบิลค่าไฟ หรือหากใช้แบตเตอรี่แบบชาร์จซ้ำได้ ก็สามารถใช้งานได้ยาวนาน 8-10 ชั่วโมง เลยทีเดียว

 

Credit : By
http://www.annisaa.com/forum/index.php?topic=2069.0

ของแต่งสวนจัดสวนนั้นมีมากมายให้ได้เลือกและเติมแต่งสวนตามความชอบตามสไตล์ของแต่ละคน วันนี้ผมขอแนะนำสิ่งที่ทำให้สนามหญ้าดูสวยและสง่าขึ้นอีกนั่นคือ โคมไฟ ครับ

โคมไฟสนาม

 

โคมไฟแต่งสวนชนิดนี้เป็นแบบใช้พลังงานแสงอาทิตย์ครับ หลายคนอาจจะบอกว่ามันไม่สว่างแค่หลอด LED ดวงเดียว แต่นั่นหละครับที่ผมว่ามันสวย โดยเฉพาะเวลาที่สวนของเราอยู่ในความมืด เผอิญว่ากล้องผมถ่ายภาพในที่มืดแล้วออกมาไม่สวยก็เลยไม่ได้เอารูปมาลงให้ดูครับ

การทำงานของ โคมไฟ เราก็ไม่ต้องทำอะไรเลยครับแค่หาที่ตั้งที่มันโดนแดดนานๆหรือว่าโดนแดดทั้งวันเลยยิ่งดีครับ แผงโซล่าเซลล์จะเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้า ให้ถ่านชาร์จที่อยู่ในโคมจนเต็ม พอไม่มีแสงตอนกลางคืนวงจรก็จะเปิดโคมไฟเองจนถึงเช้าก็กลับมาชาร์จไฟใหม่เรียกว่ามันทำงานด้วยตัวเองเป็นวงจรตลอดเวลา สิ่งที่ต้องดูแลอาจจะเป็นเรื่องความสะอาดของหน้าแผ่นโซล่าเซล์ผมแนะนำว่าให้ซื้อแบบที่มีเลนส์ใสกันอีกชั้นนึงจะดีมากกว่าแบบที่ผมถ่ายรูปมา เพราะว่าไม่มีเลนส์หุ้มแผ่นโซล่าเซลล์เลยทำให้น้ำขังบนแผ่นและเกิดคราบน้ำเยอะมากๆ และก็อาจจะต้องเปลี่ยนถ่านชาร์จบ้างเมื่อหมดสภาพ

โคมไฟ แบบนี้ก็ไม่ได้จะสวยแค่ตอนกลางคืนอย่างเดียวเท่านั้น ในตอนกลางวันมันก็โดดเด่นได้ไม่เเพ้ตอนกลางคืนเลยและยังทำให้สนามหญ้าหรือว่าสวนของเราดูสง่างามมากขึ้นอีกด้วยลองดูรูปด้านล่างครับ

โคมไฟสนาม

พูดถึงตอนกลางคืนอีกครั้งครับ ถ้าหากใครมีสนามหญ้าที่ไม่ใหญ่มากถ้าลองเอา โคมไฟ แบบนี้ไปเรียงเป็นทางเดินขอบอกได้ว่าสวยงามสุดๆครับ หรือว่าจะเรียงอิฐตัดสนามหญ้าเป็นทางเดินแล้วก็มี โคมไฟ นี้ปักตามไปสองข้างทางก็สวยมากเหมือนกัน และในโอกาสวันเกิดคนรัก หรืออยากเซอร์ไพร์คนพิเศษ ก็เรียง โคมไฟ เป็นตัวอักษรหรือเป็นคำต่างๆได้อีก นอกจากสวยงามแล้วยังเล่นได้อีกหลายแบบแล้วแต่จะคิดเลยครับ

Credit By :

http://beautigardens.blogspot.com/2010/08/blog-post_25.html

 

โคมไฟ เพดาน ไม่ได้มีชนิดเดียวนะครับ มันสามารถแบ่งย่อยไปตามประโยชน์ของการใช้สอย ซึ่งในวันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับชนิดของ โคมไฟ เพดาน ทั้งสามชนิดว่ามีอะไรกันบ้างและ โคมไฟ เพดาน แต่ละชนิดนั้น จะถูกนำไปใช้สอยในด้านไหนบ้าง

โคมไฟ เพดานถูกแบบออกเป็น 3 ชนิดดังนี้

1.โคมไฟ ชนิดติดเพดานทั่วไป (Ceiling-mounted Light)  

ceiling-light

 

โคมไฟ ชนิดนี้ โดยทั่วไปแล้ว รูปแบบจะค่อนข้างจะเรียบ ๆ  และถือเอาประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญค่ะ ส่วนมากจะไม่มีโคมคลุม แต่อาจมีที่ครอบเป็นแก้วหรือพลาสติกคลุมให้แสงที่ส่องกระจายไปเท่ากันในทุกทิศทางก็ได้

 

2.โคมไฟ ชนิดห้อยเพดาน (pendant)

pendant

รูปแบบของ โคมไฟห้อยเพดาน นั้นมีเยอะแยะมากมายเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งแต่ละชนิดก็แตกต่างกันทั้งราคาและคุณภาพแสง โคมไฟห้อยเพดาน ชนิดโป๊ะแก้วหรือเซรามิค จะทำให้แสงกระจายออกไปเท่ากันในทุกทิศทาง แต่ถ้ามีโคม (Shades)  คลุมไม่ว่าจะเป็นกระดาษ โลหะหรือผ้า จะทำให้แสงส่องลงไปข้างล่างตรง ๆ ตัวอย่างของโคมไฟชนิดห้อยเพดาน ก็คือ โคมไฟแชนเดอเลียร์ (Chandeliers) น่ะนะคะ โคมไฟ ชนิดนี้เป็นไฟเพดานที่ให้ความสว่างมากประเภทหนึ่ง เพราะมันรวมเอาหลอดไฟเล็ก ๆ มากมายไว้ด้วยกัน แต่ส่วนมากมักจะมีราคาแพงอยู่พอสมควรค่ะ

3.ไฟดาวน์ไลท์ (Downlight)   

downlight

 

โคมไฟดาวน์ไลท์นั้น เป็น โคมไฟเพดาน ที่ทำได้ทั้งแบบ ทำเป็นช่องเจาะลึกเข้าไปภายใน หรือติดอยู่บนผิวหน้าของเพดาน ให้ประโยชน์ใช้สอยที่ดี และดูมีเสน่ห์กว่าการติดการใช้โคมไฟ ธรรมดาธรรมดาทั่วไป โคมไฟดาวน์ไลท์ นั้น จะให้ทิศทางของแสงที่ส่องลงมาข้างล่าง และให้ได้ทั้งลำแสงแคบหรือกว้าง โดยสามารถหันทิศทางให้ส่องไปยังกำแพงหรือพื้นผิวอื่น ๆ ได้ โคมดาวน์ไลท์ นั้นมีประโยชน์มาก และเป็นการให้แสงที่น่าสนใจสำหรับส่วนทำงานบางส่วน เช่น เคาน์เตอร์ในครัว หรือจะใช้เป็นไฟแบ็คกราวนด์ ที่ดูน่าสนใจได้ด้วย โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับ สวิทช์ไฟแบบดิมเมอร์ น่ะนะคะ

 

Credit By : http://www.flower-light.com/home.php?section=article&categorie=learning&article=type-of-ceiling-lamp

 

 

 

วิถีน้ำมันกำลังจะขึ้นราคาอีก (หลาย) รอบ อะไรที่ประหยัดได้ต้องประหยัด จะคิดอ่านดีไอวายสิ่งใดก็ต้องประหยัดสุดเหวี่ยง เพราะหมดเรี่ยวแรงทำการสิ่งใดที่ต้องใช้สะตุ้งสตางค์ มองไปรอบบ้านแล้วคิดได้ว่าชวนคนอ่านมาจัด (หลอด) ไฟในบ้านใหม่ดีกว่า ได้ทั้งบ้านใหม่ได้ทั้งมูดใหม่ แถมเผลอๆ ก็ได้ช่วยประหยัดงบค่าไฟฟ้าในบ้านอีกหลายตังค์

 

เรื่องของหลอด (ไฟ)

 
ภัทริก สัมพันธารักษ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ฮาเวลส์ ซีลวาเนีย (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในโลกปัจจุบันหลอดไฟไม่เพียงเป็นอุปกรณ์ให้แสงและสีสันในห้อง หากเป็นอะไรที่มากกว่านั้นเยอะ หลอดไฟที่ดีช่วยประหยัดเงิน ช่วยสร้างบรรยากาศ และช่วยถนอมสุขภาพ ยิ่งไปกว่านั้นการเลือกหลอดไฟให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การใช้งาน ยังทำให้เจ้าของได้ใช้ประโยชน์จากห้องอย่างเต็มที่ ที่สำคัญก็ยังทำให้เจ้าของห้องคนเก่ง ได้ช่วยประหยัดพลังงานลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย โลกยุคพลังงานแพง ต้องมาช่วยกันเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้เป็นหลอดประหยัดพลังงาน มีเคล็ด (ไม่) ลับสำหรับคนอยากเปลี่ยนหลอดไส้เป็นหลอดตะเกียบ กรณีอยากรู้ว่าหากต้องการแสงเท่าเดิมจะต้องซื้อหลอดตะเกียบขนาดกี่วัตต์ ให้ใช้สูตร 5 หาร เช่น เคยใช้หลอดไส้ 100 วัตต์ ก็เอา 5 หาร 100 ได้เท่ากับ 20 นั่นหมายความว่าคุณต้องซื้อหลอดตะเกียบขนาด 20 วัตต์ นั่นเอง (ถ้าหารแล้วมีเศษให้ปัดลง)

 

เคล็ดลับจากซีลวาเนีย

 

เลือกหลอดไฟให้ 7 ห้อง ในบ้านอย่างมืออาชีพ

 

1.ห้องนอน เป็นห้องสำหรับพักผ่อน จึงควรเป็นบรรยากาศแบบสบายๆ ไม่ต้องมีแสงสว่างมากนัก เลือกหลอดไฟแบบคอมแพกต์ ฟลูออเรสเซนต์ชนิดที่ให้แสงออกเหลืองอ่อน (Warm White) ช่วยทำให้ห้องอบอุ่น โดยปกติห้องนอนจะมีจุดให้แสงสว่างหลักคือ โคมไฟหัวเตียงฝั่งซ้ายขวา เพื่อใช้ทำกิจกรรมเล็กน้อยก่อนนอน เช่น อ่านหนังสือ สำหรับห้องนอนที่มีทีวีอยู่ปลายเตียง ควรติดตั้งดาวน์ไลต์ ขนาด 11 วัตต์ บริเวณปลายเตียงอีก 1 ดวง เพื่อช่วยตัดแสงจากหน้าจอโทรทัศน์

 

2.ห้องแต่งตัว เป็นห้องที่ต้องการแสงสว่างที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด เนื่องจากมีผลต่อการเลือกสีของเสื้อผ้าหรือการแต่งหน้าของสาวๆ เจ้าของห้อง ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นสาวแต่งหน้าเว่อร์ ดูหลอนเป็นที่สุด แต่ก่อนหลอดไฟห้องแต่งตัวนิยมใช้หลอดฮาโลเจน (หลอดไส้) เพราะให้แสงธรรมชาติ 100% แต่ปัจจุบันแนะให้เลือกใช้หลอดประหยัดไฟคอมแพกต์ ฟลูออเรสเซนต์ mini lynx หรือ mini twister ขนาด 7 วัตต์ ซึ่งให้แสงสว่างเทียบเท่ากับหลอดฮาโลเจนขนาด 40-50 วัตต์ และมีค่าความถูกต้องสีของแสงมากกว่า 80% ขึ้นไป อีกทั้งยังกระจายแสงได้มากกว่าหลอดตะเกียบถึง 10%

 

สำหรับคุณผู้หญิงที่มีโต๊ะเครื่องแป้ง ควรติดตั้งหลอดไฟคอมแพกต์ ฟลูออเรสเซนต์ แบบ T5 ไว้ด้านบน และเสริมด้วยหลอดฮาโลเจนไว้ด้านข้างทั้ง 2 ด้าน เพื่อให้เกิดความสมดุลของแสง กล่าวคือ ถ้าเป็นการแต่งหน้ามาทำงานในเวลากลางวัน การใช้แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์เป็นหลัก จะช่วยให้สีสันบนใบหน้าไม่จัดจ้านเกินไปเมื่อต้องมาเจอแสงไฟในออฟฟิศส่วนใหญ่ซึ่งเป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์เช่นเดียวกัน

 

ส่วนงานกลางคืนขอให้ใช้ไฟจากหลอดฮาโลเจนเป็นหลัก เนื่องจากงานกลางคืนส่วนใหญ่จะประดับประดาด้วยหลอดฮาโลเจน การแต่งหน้าโดยใช้แสงจากหลอดฮาโลเจนเหมือนกัน จึงช่วยให้ใบหน้ามีสีสัน ไม่ซีดหรือจางเกินไปเมื่อเจอกับแสงไฟในงาน

 
3.ห้องรับแขก หรือห้องนั่งเล่น ห้องนั่งเล่นเป็นมุมโปรดของใครหลายคนในบ้าน ถือเป็นมุมผ่อนคลายที่การให้แสงหรือสีในห้องจะเน้นที่ความรู้สึกสบายตาสบายใจ ส่วนห้องรับแขกก็เป็นส่วนต้อนรับของบ้าน แสงควรอบอุ่น การเลือกหลอดไฟสำหรับสองห้องนี้เน้นที่แสงขาวนวลถึงเหลือง ติดหลอดไฟคอมแพกต์ ฟลูออเรสเซนต์ แบบ T5 ดีที่สุด

 

สำหรับไฟในห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขกมีเคล็ดลับการติดตั้ง ควรให้หลอดไฟฉายแสงส่องกระทบกับผนัง ซึ่งช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น หรือจะเพิ่มบรรยากาศให้กับห้องด้วยการติดตั้งโคมไฟแบบอินไดเรกต์ ไลต์ (In direct light) หรือไฟส่องกระทบฝ้า เช่น โคมไฟ Cielo 300 ให้แสงสว่างกระจายขึ้นด้านบน มองแล้วสบายตาสุดๆ เพราะหลอดไฟป้องกันแสงจ้าส่องเข้าตา

 

4.ห้องทำงาน แสงที่เหมาะควรเป็นแสงขาวนวล สังเกตดูว่าในสถานที่ทำงานหรือออฟฟิศโรงงานต่างๆ มักใช้หลอดไฟขาวเป็นหลัก สาเหตุก็เพราะต้องการสร้างบรรยากาศการทำงานนั่นเอง หลีกเลี่ยงการใช้แสงสีเหลืองอ่อนเนื่องจากแสงเหลืองเหมาะกับห้องที่ใช้ผ่อนคลายมากกว่า กลัวว่าติดไฟสีเหลืองไว้ในห้องทำงานแล้ว เจ้าของห้องจะไม่ยอมทำงานน่ะสิ ที่เหนือโต๊ะทำงานควรมีการติดตั้งหลอดไฟดาวน์ไลต์ที่ให้แสงสว่างกระจายไปทั่วห้องได้ รวมทั้งบนโต๊ะทำงานควรมีโคมไฟตั้งโต๊ะ เพื่อให้แสงเพิ่ม และกลบเงาจากดาวน์ไลต์นั่นเอง

 

5.ห้องครัว ห้องครัวไทยแบบแกง-ต้ม-ผัด-ทอด ควรเลือกใช้โคมไฟดาวน์ไลต์แบบมีกระจกปิดเพื่อป้องกันฝุ่น ควัน และความชื้น เช่น โคมไฟ Wall lynx หรือหลอดคอมแพกต์ ฟลูออเรสเซนต์ แบบ T5 ที่มีค่า IT 44 ขึ้นไป (วิธีเลือกซื้อหลอดไฟชนิดนี้ ให้สังเกตตัวเลขทั้ง 4 ตัว ที่ติดมากับหลอด โดย 4 ตัว แรกหมายถึงค่าป้องกันฝุ่น และ 4 ตัว หลังหมายถึงค่าป้องกันความชื้นและน้ำ)

 

ห้องครัวหรือห้องประกอบอาหาร นิยมใช้แสงสีขาวนวลถึงเหลือง ติดหลอดไฟเพื่อให้แสงสว่างเป็นจุดๆ ตามที่ต้องการใช้งาน เช่น ติด T5 บนฝ้าเหนือบริเวณเตาแก๊ส เพื่อให้แสงสว่างเวลาประกอบอาหาร อย่าลืมเลือกหลอดแบบมีกระจกครอบ เพราะเวลาเจอเข้ากับควันหรือน้ำในการประกอบอาหาร ความชื้นและคราบเขม่าลอยฟุ้งไปเกาะขั้ว อายุการใช้งานหลอดจะหดลงไม่ถึงครึ่งของอายุการใช้งานจริง

 

6.ห้องรับประทานอาหาร ห้องแห่งรางวัลของชีวิต-บางคนก็เรียกอย่างนี้ เป็นห้องที่ผู้รู้ด้านจิตวิทยาครอบครัวแนะนำว่า ไม่ควรมีโทรทัศน์อยู่ในห้อง เพราะแทนที่สมาชิกในครอบครัวจะคอนเนกชัน สังสรรค์ปฏิสัมพันธ์กัน ก็กลายเป็นไปจดจ่อกับจอโทรทัศน์แทน นอกจากนี้การรับประทานอาหารหน้าจอแบบกินไปดู (โทรทัศน์) ไป ทุกคราวคำจิตใจไปมุ่งที่โทรทัศน์ กลายเป็นคนอ้วนที่กินอย่างไร้สติ (ว้าย!)

 

ควรมีโคมไฟสีออกเหลืองนวล ชนิด Fresco 300, Fresco 400 หรือ T5 แขวนอยู่ตรงกลางโต๊ะอาหาร ซึ่งช่วยเพิ่มความอยากอาหาร และช่วยเพิ่มแสงสีให้อาหารดูน่ารับประทานมากขึ้น ทั้งนี้ควรเป็นหลอดกลมเนื่องจากกระจายแสงได้ทั่วถึง อาจเพิ่มโคมไฟลอยที่ผนังด้วย เพื่อเพิ่มบรรยากาศความอบอุ่นและทำให้ห้องมีมิติ

 

7.บริเวณรอบตัวบ้าน เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่น้อย ช่วงนี้เศรษฐกิจตกสะเก็ด โจรลักเล็กขโมยน้อย ตัดช่องย่องเบาเพิ่มจำนวนอย่างน่ากลัว รถจอดไว้ในบ้าน พวกยังปีนเข้ามาถอดเอาแบตเตอรี่ไปหน้าตาเฉย ป้องกันได้ด้วยการตามไฟไว้เป็นระยะรอบตัวบ้าน โดยระยะห่างของไฟที่ได้ผลคือ 3-4 เมตร ซึ่งให้แสงทั่วถึง สว่างเพียงพอ

 

การเลือกหลอดไฟที่ใช้ตามไฟในบ้าน ควรเลือกโคมไฟชนิดหลอดแบบคอมแพกต์ ฟลูออเรสเซนต์ แบบ 3-5 วัตต์ ทั้งนี้ต้องเลือกชนิดที่มีกระจกปิด เช่น หลอดไฟ LED, หลอด Micro lynx ซึ่งมีค่า IT ป้องกันฝุ่นและความชื้นตั้งแต่ 54, 55 และ 65 ขึ้นไป มีซีลยางป้องกันน้ำและแมลง หลอดไฟประเภทนี้อายุการใช้งานนานถึง 5 หมื่น-1 แสนชั่วโมง

 

Credit By : http://www.flower-light.com/home.php?section=article&categorie=learning&article=make-your-home-change-with-lamp

การใช้แสงไฟและหลอดไฟเพื่อเสริมฮวงจุ้ยหรือเพื่อแก้ไขความผิดพลาด ความบกพร่องต่างๆ ทางวิชาฮวงจุ้ยนับได้ว่าเป็นวิธีการที่ง่ายและใช้กันอย่างแพร่หลายไม่แพ้การใช้ต้นไม้ แสงไฟ-หลอดไฟเป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไฟ ดังนั้นจึงมักใช้ในการกระตุ้นพลังและมงคลในทิศใต้ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันออกและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

ฮวงจุ้ย

 

แสงไฟเป็นพลังหยางใช้สำหรับรักษาสมดุล กับพลังหยิน และช่วยดึงดูดพลังและมงคลโดยการฉายส่องไปยังวัตถุหรือพื้นที่ที่ต้องการ

ติดตั้งหลอดไฟที่มุม หรือ ด้านที่ขาดหายไป ของบ้านหรือที่ดินเพื่อสร้างสมดุลหรือชดเชยส่วนที่ขาดหายไป

ติดตั้งหลอดไฟในพื้นที่ด้านหน้าของอาคารโดยให้ตรง กับบริเวณมุมอาคารทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1 ดวง และติดอีกหนึ่งดวงที่บริเวณหลังอาคารให้ตรงกับจุดกึ่งกลางของอาคาร โดยให้ตำแหน่งความสูงของหลอดไฟที่ติดเท่ากับความสูงของยอดหลังคา ซึ่งจะช่วยดึงดูดพลังที่ดีเข้ามาและช่วยแก้ไขเรื่องการจัดวางตำแหน่งอาคารที่ไม่ได้สมดุลกับขนาดของพื้นที่

ติดไฟเอาไว้บริเวณพื้นที่หลังบ้านทั้งสองข้าง ในกรณีที่พื้นที่ที่ใช้ปลูกอาคารมีรูปร่างไม่เป็นสี่เหลี่ยมมุมฉาก

ติดไฟเอาไว้ริมทางของถนนหรือทางรถที่เข้าสู่ตัวบ้านหรือตัวอาคาร ในกรณีที่ถนนมีความเล็กแคบจนเกินไปหรือติดเอาไว้เฉพาะส่วนที่แคบ

แสงไฟจากโคมระย้าหรือโคมกิ่ง ซึ่งประกอบขึ้นด้วยเจียระไนชิ้นเล็กๆ มาประกอบกันเป็นลวด ลายต่างๆ จะใหพลังแห่งความเป็นมงคลได้ดีที่สุด แต่จะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อเปิดไฟเท่านั้น และตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะติดหรือแขวนโคมระย้าก็คือบริเวณกลางบ้าน กลางห้องโถงหรือกลางห้องรับแขกซึ่งถือว่าเป็น ตำแหน่งของธาตุดิน และแส่งไฟจากโค้มระย้าซึ่งเป็นธาตุไฟจะช่วยกระตุ้นธาตุดินให้มีพลังมากยิ่งขึ้น

โคมไฟ หรือ หลอดไฟ ที่ใช้ต้องไม่มีเหลี่ยมมุมที่จะทำให้เกิดศรพิฆาต

สีของแสงไฟที่ใช้จะต้องให้ถูกกับทิศที่ติดตั้งด้วยจึงจะเป็นมงคล เช่น

ทิศเหนือใช้แสงสีน้ำเงินหรือสีฟ้า เพราะเป็นสีของธาตุน้ำ ซึ่งเป็นธาตุประจำทิศเหนือ แต่โดยทั่วๆ ไปก็อาจจะใช้สีกลางๆ คือสีขาวนวลหรือแสงจันทร์ โคมไฟตั้งโต๊ะต้องดูรูปทรงของโคมไม้ดีด้วย ถ้ามีเหลือมุมก็อาจจะก่อให้เกิดศรพิฆาตถ้ารูปเหมือนฆ้อนก็จะเป็นอัปมงคลต่อผู้ใช้

 

ที่มา : ท่านปรมาจารย์วรธนัท อัศกุลโกวิท

ว้าว! กลับมาอีกแล้วครับวันนี้ไปเจอการสอนทำ โคมไฟ  ด้วยกระดาษปอนด์มา ง่ายๆแต่น่ารักดี ผมจึงได้นำเกล็ดความรู้มาฝาก เขียนโดย คุณเฉาก๊วยน้ำตาลทรายแดง ในคอลัมน์ DIY ต้องขอบคุณเป็นอย่างสูงสำหรับ เทคนิคน่ารักๆแบบนี้ครับ

โคมไฟ

 

ลุงข้างบ้านฟื้นวิชาดีไซน์สมัยเรียน แนะนำทำ โคมไฟ เก๋ๆ จากกระดาษปอนด์…
ลุงบอกว่า กระดาษปอนด์แข็งพอและมีคุณสมบัติกรองแสงไว้ครึ่งหนึ่ง หากตัดขึ้นรูปเป็น 3 D หรือ 3 มิติ จะกักและปล่อยแสงได้เงาสวย
เตรียมอุปกรณ์กันก่อน หลักๆ ได้แก่ กระดาษ 100 ปอนด์อย่างดี (แผ่นละ 40 บาท) คัตเตอร์ แผ่นรองตัด ฟุตเหล็ก กาวยางน้ำแบบหลอด (UHU แห้งเร็ว) และชุดหลอดไฟ ประกอบด้วย หลอดไฟ  ขั้ว สาย และสวิตช์ปิด-เปิด ในโฮมโปรมีขายแบบเกือบสำเร็จ (รวมราคาประมาณ 50-60 บาท)
วิธีทำ

1.  ขึ้นโครงตัว โคมไฟ ในที่นี้ออกแบบเป็นลูกบอล 5 เหลี่ยม โดยวัดกระดาษ ตัดเป็นเส้นกว้าง 2 นิ้วครึ่ง ยาว 20 นิ้ว ทั้งหมด 11 เส้น อีกเส้นหนึ่งวัดไว้ 3 นิ้วครึ่ง ยาว 20 นิ้ว (สำหรับเป็นฐาน)

2. นำกระดาษที่ตัดเป็นเส้นแล้วกรีดให้เป็นรอยพับด้านเท่า 5 เหลี่ยม แปะกาวให้เป็นวงแหวนทั้งหมด 12 ชิ้น

3. ตัดกระดาษสำหรับเชื่อมวงแหวนแต่ละชิ้น ความหนาเท่าไรก็ได้ แต่ให้ความยาว 4 นิ้ว (พอดีกับความยาวของรูป 5 เหลี่ยม)

4. ค่อยๆ นำวงแหวนมาแปะต่อกัน โดยให้แต่ละด้านแปะเชื่อมกัน ทรงเรขาคณิตจะต่อกันเป็นลูกกลมๆ โดยอัตโนมัติ
5. สุดท้ายนำชุดหลอดไฟ ตั้ง เอา โคมไฟ กระดาษปอนด์ มาครอบทับอีกที…เท่านี้ก็เรียบร้อย
คอลัมน์ DIYโดย เฉาก๊วยน้ำตาลทรายแดง

 

Credit By : http://www.flower-light.com

นิทานเซน : คนตาบอดกับ โคมไฟ

ยัง มีตรอกสายหนึ่งที่ทั้งมืดทั้งแคบ ทั้งยังไม่มีดวงไฟส่องทางให้ความสว่างแม้แต่น้อย ดังนั้นเมื่อถึงยามค่ำคืน การเดินทางในตรอกแห่งนี้จึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก

คืน วันหนึ่ง มีพระรูปหนึ่งเดินผ่านเข้ามายังตรอกดังกล่าวเพื่อมุ่งหน้าไปยังอาราม ทว่าด้วยความที่ตรอกนี้มืดมิดกระทั่งนิ้วมือทั้งห้าของตนเองยังไม่ อาจมอง เห็นได้ เมื่อเดินไปเรื่อยๆ พระรูปนี้จึงทั้งเดินไปชนผู้อื่น และถูกผู้อื่นเดินมาชนไม่หยุดหย่อน สร้างความลำบากยิ่งนัก

โคมไฟ กับคนตาบอด

 

ในตอนนั้นเอง มีคนผู้หนึ่งถือ โคมไฟ เดินเข้ามายังตรอกดังกล่าว พลันทำให้ในตรอกเกิดแสงสว่างขึ้นพอสมควร พระรูปนั้นได้ยินคนเดินผ่านทางกล่าวว่า “คน ตาบอดผู้นั้นช่างแปลกนัก ตนเองมองไม่เห็นแท้ๆ ใยต้องถือ โคมไฟ ให้วุ่นวาย”  เมื่อพระได้ยินก็รู้สึกแปลกใจ รอจนกระทั้งคนตาบอดถือ โคมไฟ คนนั้นเดินผ่านมา จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ขออภัย ท่านตาบอดจริงๆ หรือ?” 

คน ผู้นั้นตอบว่า “ถูก แล้ว ข้าเกิดมาก็พิการ ตาสองข้างมองไม่เห็น สำหรับข้านั้นไม่ว่าจะยามเช้าสายบ่ายเย็นล้วนไม่ต่างกัน ทั้งยังไม่ทราบว่าแสงสว่าง หน้าตาเป็นเช่นไร” 

พระ ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งงุนงงมากขึ้น เอ่ยถามต่อไปว่า “เช่นนั้นท่านจะถือ โคมไฟ ไปเพื่ออะไร?”          คน ตาบอดตอบว่า “เนื่อง เพราะข้าเคยได้ยินคนพูดกันว่าในยามกลางคืนไร้แสงสว่าง คนตาดีทั้งหลายก็เป็นเช่นเดียวกับข้าคือมองไม่เห็นสิ่งใด ดังนั้นข้าจึงถือ โคมไฟ ไปไหนมาไหนเสมอ”

พระได้ยินดังนั้นก็เกิดความ ซาบซึ้งใจ เอ่ยคำ อมิตาพุทธออกมา และกล่าวต่อไปว่า “ท่านช่างมีเมตตาธรรม ห่วงใยเพื่อนมนุษย์”

มิคาดคนตาบอดกลับกล่าว ว่า “ผิดแล้ว ข้าทำไปเพื่อตัวเอง” 

  “ทำ เพื่อตัวเองอย่างไร?”  พระถามต่อด้วยความสงสัยใจ

คนตาบอดอธิบายว่า เมื่อครู่ท่านเดินอย่างมืดมนในตรอกใช่โดนคนเดินสวนไปมาชนเอาหรือไม่ ท่านดูข้าเองนั้นแม้เป็นคนตาบอด แต่ข้าไม่โดนผู้อื่นเดินชนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนข้าก็เป็นเช่นเดียวกับท่านคือโดนคนเดินมาชนเอาบ่อยครั้ง แต่เมื่อข้าถือ โคมไฟ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ที่ข้าจุดโคมไปไหนมาไหนด้วยนั้นข้าจุดเพื่อให้แสงสว่างกับผู้อื่น และเพื่อให้ผู้อื่นมองเห็นตัวข้า ตังแต่นั้นมาข้าก็ไม่โดนผู้ใดเดินชนอีกเลย

ปัญญา เซน : การช่วยเหลือผู้อื่น ประโยชน์สูงสุดล้วนกลับคืนมาสู่ผู้ให้

 

Credit : by http://www.flower-light.com

 

หรือ ติดตามความรู้และเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับ โคมไฟ ได้ที่ http://www.ssl.co.th/blog