ร้อยกว่าปีนับจากเอดิสันผลิตหลอดไฟดวงแรก วิวัฒนาการของหลอดไฟก็ก้าวไกลจากไส้หลอดคาร์บอนมาสู่หลอดไฟ LED แม้เจ้าหลอดไฟจิ๋วๆ เหล่านี้อาจจะไม่ใช่ของใหม่ที่แปลกหูแปลกตาของคนไทยอีกต่อไป บ้านที่สร้างใหม่ๆ อาจมีการนำเจ้าไฟ LED มาใช้แทนหลอดฟลูออเรสเซนส์บ้างแล้ว หากแต่หลายคนก็ยังรู้สึกไม่คุ้นเคย ไม่แน่ใจในประสิทธิภาพของมันมากนัก
วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดี เรามาทำความรู้จักกับเจ้าหลอดไฟ LED ให้มากขึ้นกันเถอะค่ะ
LED มีดีอะไร ?
1. ปลอดภัยไร้สารพิษ
ในขณะที่หลอดฟลูออเรสเซนต์มีการเคลือบสารไตรฟอสเฟอร์และสารปรอทอยู่ภายใน หากหลอดไฟชำรุดเสียหายก็มีโอกาสที่สารดังกล่าวจะเล็ดลอดออกมาเป็นอันตรายกับมนุษย์ได้ค่ะ แต่หลอดไฟ LED ไม่มีปัญหาดังกล่าว ทำให้ง่ายต่อการรีไซเคิลวัสดุมาใช้ซ้ำโดยไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เริ่ดใช่ไหมล่ะคะ
2. ไม่ร้อน
แม้ไม่ต้องเปิดไฟ ประเทศไทยก็ร้อนจะเป็นจะตายอยู่แล้วค่ะ เจ้าหลอดไฟ LED นี้มีข้อดีอันสำคัญยิ่งอยู่หนึ่งอย่างก็คือ ปล่อยความร้อนออกมาน้อยมาก นั่นหมายความว่าบ้านไหนใช้ไฟ LED ก็จะช่วยประหยัดค่าไฟในยามเปิดเครื่องปรับอากาศไปได้อีกมากโข
3. อายุยืน ใช้ได้ยาว
หลอดไฟ LED มีอายุการใช้ขั้นต่ำอยู่ที่ 25,000 ชั่วโมง ส่วนหลอดฟลูออเรสเซนส์ 16,000 – 20,000 ชั่วโมงเท่านั้น (สินค้าแต่ละยี่ห้ออาจมีคุณสมบัติต่างกัน ก่อนซื้ออย่าลืมดูฉลากนะคะ)
4. ถึก! ทนทาน!
หลอดไฟ LED สามารถทนต่อแรงสั่นสะเทือน หรือกระทบกระแทกได้มากกว่าหลอดไฟฟลูออเรสเซนส์ แม้จะสามารถแตกได้เช่นเดียวกัน แต่ก็เปราะน้อยกว่า จึงเหมาะกับการติดตั้งในรถ ในลิฟท์ หรือบริเวณที่มีการสั่นไหวอยู่เสมอค่ะ
สำหรับใครที่กำลังชั่งใจว่าจะเปลี่ยนใจจากหลอดฟลูออเรสเซนส์อันคุ้นเคย มาทดลองหลอดไฟนวัตกรรมใหม่ที่ใครๆ ก็กล่าวถึงตัวนี้ แต่ยังรู้สึกไม่มั่นใจแล้วล่ะก็ ลองมาดูตัวอย่างสินค้าจริง จับจริง ลองจริง เล่นจริง ได้ที่ร้านของเราเลยค่ะ :D